วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

W2 Sample Query

Part 1ทำการศึกษา Syntax ของคำสั่งที่ใช้ในเขียนโปรแกรมดึงข้อมูลมาจากDatabase จาก http://www.w3schools.com/sql/




Database Table : จะอยู่ในรูปแบบของตารางโดยจะประกอบด้วย 1 หรือหลายๆ ตาราง โดยที่แต่ละตารางจะมี identify โดย ชื่อ แต่ละ table จะประกอบด้วย records(rows) และ data
จากภาพ ตารางตัวอย่างจะประกอบด้วย 5 records และ 7 columns

ตัวอย่างข้อมูลที่เลือกมาจาก Customer table
Semicolon after SQL statement ?
Database System บางระบบต้องการ semicolon เมื่อจบแต่ละ statement. semicolon จะเป็นวิธีการที่ช่วยแยกแต่ละ SQL statement ในระบบฐานข้อมูลที่มี SQL statement มากกว่าหนึ่ง statement ให้สามารถที่จะทำการเรียกไปยัง server ได้

SQL Select : ใช้เลือกข้อมูลจาก database

ตัวอย่างที่ได้ทดลองใช้ SQL statement เลือก columns จาก Customer table

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ SQL statement select จะได้ตารางข้อมูลของ customer ดังภาพ

SQL Distinct : ใช้สำหรับ return ค่าเฉพาะที่เราเลือก เพราะว่าหลายๆ column ประกอบด้วยข้อมูลที่หลากหลายและบางครั้งเราก็ต้องการ list ออกมาแค่บาง Distinct

ตัวอย่างที่ได้ลอง SQL statement Distinct เลือก column 'City' จาก Customer table

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ SQL statement Distinct
จะได้ตารางข้อมูลเฉพาะข้อมูลที่เราใช้ Distinct
นั้นก็คือข้อมูลของ column city ดังภาพ


SQL Where : ใช้ดึงข้อมูลบางข้อมูลจาก Fulfill ของตารางตามข้อกำหนดที่ระบุ

 จากตัวอย่างSQL Statement ที่ใช้ :
 SELECT * FROM Customers จะเป็นการระบุว่าเลือกข้อมูลจาก Customers table 
WHERE Country='Mexico';  จะเป็นการระบุว่าดึงข้อมูลจาก column Country ที่เป็น Mexico

ตัวอย่างจากการใช้ SQL statement WHERE
จะได้ตารางข้อมูลเฉพาะที่มี Country ที่เป็น
 Mexico ตามที่ระบุใน statement

ตัวอย่างจากการใช้ SQL statement WHERE จะได้ตารางข้อมูล
เฉพาะที่มี CustomerID ที่เท่ากับ 1 ตามที่ระบุใน statement



ตัวอย่างจากการใช้ SQL Statement WHERE จะได้ตารางข้อมูล
เฉพาะที่มี CustomerID ที่น้อยกว่า 5 ตามที่ระบุใน statement
เป็น operation ที่สามารถใช้ได้กับ WHERE

SQL And&Or

AND Operator : จะแสดงข้อมูลถ้าทั้งเงื่อนไขแรกและเงื่อนไขที่สองเป็นจริงทั้งคู่

จากตัวอย่างSQL Statement ที่ใช้ : SELECT * FROM Customers จะเป็นการระบุว่าเลือกข้อมูลจาก Customers table 
WHERE Country='Germany';  จะเป็นการระบุว่าดึงข้อมูลจาก column Country ที่เป็น 'Germany'
AND City='Berlin'; และดึงข้อมูลมี City เป็น  'Berlin'

ตัวอย่างจากการใช้ operation AND จะได้ตารางข้อมูลเฉพาะที่มี Country
ที่เป็น 'Germany' และมี City เป็น 'ฺBerlin' ตามที่ระบุใน statement OR operator
จะแสดงข้อมูลถ้าเงื่อนไขแรกหรือเงื่อนไขที่สองเป็นจริง

จากตัวอย่างSQL Statement ที่ใช้ :
 SELECT * FROM Customers จะเป็นการระบุว่าเลือกข้อมูลจาก Customers table 
WHERE Country='Berlin';  จะเป็นการระบุว่าดึงข้อมูลจาก column Country ที่เป็น 'Berlin'
 OR City='London'; หรือดึงข้อมูลมี City เป็น  'London'

ตัวอย่างจากการใช้ Operation OR จะได้ตารางข้อมูลเฉพาะที่มี
 Country ที่เป็น 'City' เป็น 'London' ตามที่ระบุใน statement
And&Or : จะรวมทั้งสอง Operation โดยจาก SQL statement ด้านล่างจะเลือกข้อมูลของ customers จาก country 'Germany' และ city จะต้องเท่ากับ 'Berlin' หรือ 'München' จากใน Customers table

จากตัวอย่าง SQL Statement ที่ใช้ :
 SELECT * FROM Customers จะเป็นการระบุว่าเลือกข้อมูลจาก Customers table 
WHERE Country='Germany';  จะเป็นการระบุว่าดึงข้อมูลจาก column Country ที่เป็น 'Germany'
 AND (City='Berlin' OR City='München'); และดึงข้อมูลมี City เป็น  'Berlin' หรือ City เป็น 'München' 

จะได้ตารางข้อมูลเฉพาะที่มี Country ที่เป็น 'Germany'
และมีตัวอย่างจากการใช้ Operation AND ร่วมกับ OR
 City เป็น 'Berlin' หรือไม่ก็ 'Munchen' ตามที่ระบุใน statement



SQL Order by : ใช้สำหรับ sort ผลลัพธ์

Syntax ในการเขียน
 SELECT * FROM Customers จะเป็นการระบุว่าเลือกข้อมูลจาก Customers table 
ORDER BY Country;  จะเป็นการระบุว่า sort ข้อมูลจาก column Country จะ sort ข้อมูลทั้งตารางแต่อ้างอิงจากการเรียงตามลำดับของ column Country เช่นจากการทดลอง ใน column Country เมื่อ sort แล้วจะเรียงจาก A-Z

ตัวอย่างที่ได้ลอง Order By เลือกข้อมูลจาก
Customer table และ sort column Country

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้ตารางข้อมูลจะมี
การเรียงลำดับของข้อมูลตามการ sort ใน column Country ดังภาพ
Syntax ในการเขียนแบบ
ORDER BY Country DESC;  จะเป็นการระบุว่า sort ข้อมูลจาก column Country จะ sort ข้อมูลทั้งตารางแต่อ้างอิงจากการเรียงตามลำดับของ column Country และมี DESC เมื่อ sort แล้วจะเรียงจาก Z-A

ตัวอย่างที่ได้ลอง Order By เลือกข้อมูลจาก 
Customer table และ sort แบบมี DESC ใน column Country

ผลลัพธ์ที่ได้ตารางข้อมูลจะมี
การเรียงลำดับของข้อมูลตามการ sort ข้อมูลใน column Country ดังภาพ
Syntax ในการเขียนแบบ
ORDER BY Country , CustomerName;  จะเป็นการระบุว่า sort ข้อมูลจาก column Country จะ sort ข้อมูลทั้งตารางแต่อ้างอิงจากการเรียงตามลำดับของ column Country และมีการ sort ข้อมูลใน column CustomerName ด้วย

ตัวอย่างที่ได้ลอง Order By เลือกข้อมูลจาก 
Customer table sort ข้อมูลใน column Country
และ sort ใน column CustomerName

ผลลัพธ์ที่ได้ตารางข้อมูลจะมีการเรียงลำดับของข้อมูลตามการ sort
 ใน column Country 
และ sort ใน column CustomerNameดังภาพ


Syntax ในการเขียนแบบ
ORDER BY Country ASC, CustomerName DESC;  จะเป็นการระบุว่า sort ข้อมูลจาก column Country แบบ ascending เรียงจาก A-Z และมีการ sort ข้อมูลใน column CustomerName แบบ descending เรียงจาก Z- A ด้วย

ตัวอย่างที่ได้ลอง Order By เลือกข้อมูลจาก 
Customer table sort ข้อมูลใน column Country
แบบ ASC และใน column CustomerName แบบ DESC

ผลลัพธ์ที่ได้ตารางข้อมูลจะมี
การ sort ข้อมูลใน column Country แบบ A-Zและ sort
ใน column CustomerName แบบ Z-A 
ดังภาพ


SQL Insert Into : ใช้สำหรับแทรก records ใหม่ลงไปในตาราง

Syntax ในการเขียนมีสองแบบ
  • แบบไม่มีการระบุ column name ข้อมูลสามารถ insert เข้าไปยังตำแหน่งใดก็ได้
        INSERT INTO table_name
        VALUES (value1,value2,value3,...);
  • แบบมีการระบุ column name และข้อมูลที่ insert เข้าไป
        INSERT INTO table_name (column1,column2,column3,...)
        VALUES (value1,value2,value3,...);

ตัวอย่างที่ได้ทดลองทำการ insert ข้อมูลลงไปใน table
โดยมีการระบุ column name และ value ที่ต้องการ insert

ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีข้อมูลเพิ่มเข้ามาและ
ข้อมูลมีลักษณะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ตอน insert

SQL Update : เป็น statement ที่ใช้สำหรับ update records ในตาราง

Syntax ในการเขียน

UPDATE table_name  ระบุว่าจะ update ข้อมูลใน table ชื่อว่าอะไร
SET column1=value1,column2=value2,... ระบุชื่อ column และ ค่าของcolumnที่ต้องการ update 
WHERE some_column=some_valueระบุว่าจะ update ข้อมูลใน column ใดโดย column นี้จะเป็น column ของ records เดียวกับที่ระบุไปตอนใช้ SET และจากนั้นกำหนดค่าที่ต้องการ update ลงไป 

ภาพตัวอย่างข้อมูลก่อนทำการ update

ตัวอย่างที่ได้ทดลองทำการ update ข้อมูลลงไปใน table 

ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีข้อมูลของ ContactName
ที่มีชื่อ Alfred Schmidt และ มี City เป็น Hamburg
ก็จะมีการเปลี่ยน CustomerName เป็น Alfreds Futterkite
ตามที่ทำการ update แบบในภาพด้านบน

SQL Delete : ใช้สำหรับลบ records ใน table

Syntax ในการเขียน

DELETE FROM table_name ระบุ table ที่เราจะทำการลบ records ในนั้น
WHERE some_column=some_value
ระบุชื่อ column และค่าใน column ที่ต้องการลบออก (เป็นการลบ rows ใน table)

ตัวอย่างที่ได้ทดลองทำการ delete ข้อมูลใน table name ที่ระบุ
และที่มี CustomerName เท่ากับ  'Alfreds Futterkiste'
 และ มี ContactName เท่ากับ 'Maria Ander'


อ้างอิงที่มาจาก : http://www.w3schools.com/sql/


Part 2 : TRY DBMS ?


ใช้โปรแกรม AppServ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่รวบรวมเอา Opensource หลายอย่างมารวมกันเพื่อลดขั้นตอนการติดตั้งทำให้การติดตั้งโปรแกรมต่างๆง่ายขึ้น โดยหลักๆประกอบด้วย Package ดังต่อไปนี้
Apach ,PHP,MySQL,phpMyAdmin

ดาวโหลดโปรแกรมจาก : http://sourceforge.net/projects/appserv/?source=typ_redirect

ขั้นตอนการติดตั้ง
หลังจาก Download ก็ทำการ install AppServ
ข้อตกลง กด I agree
เลือก ไดร์ฟที่ต้องการจัดเก็บโปรแกรมไว้
เลือกทั้ง 4 แล้วกด next
กด OK
ตั้งรหัศผ่าน
กรอก email ของเรา
รอการติดตั้ง
ทำการ install เสร็จแล้ว
ขั้นตอนการใช้งาน

ใช้ phpMyAdmin Database

ทำการตั้ง username รหัศผ่าน และ กำหนดภาษา

หน้าตาของ phpMyAdmin 

ทำการ โหลดข้อมูลที่เป็น classic model เพื่อมาใช้ในการทดลอง Query

เมื่อโหลดแล้วจะได้ Database ที่มีชื่อ classic model

Structure ของ classic model แสดงจำนวน table
ชื่อของ table และข้อมูลอื่นๆ ของ table ดังภาพ

ทดลอง SELECT ข้อมูลใน table ชื่อ customer ออกมาดู

ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากการ SELECT

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : http://purinutzaba.blogspot.com/2014/02/appserv.html




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น